Start planning your trip
10 สถานที่ชมซากุระในคิวชู กับบรรยากาศซากุระที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งธรรมชาติ
ถ้าใครมาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิต้องมาชมซากุระให้ได้! บทความแนะนำแหล่งท่องเที่ยวชมซากุระทั้งที่เป็นที่นิยม และที่สุดลับแบบบอกต่อกันเฉพาะในคิวชูอย่าง ฟุกุโอกะ คุมาโมโต้ ซากะ มิยาซากิ และนางาซากิ อย่าลืมมาชมซากุระสีสันสดใสในคิวชูกันให้ได้นะคะ
ชมซากุระท่ามกลางธรรมชาติแสนอลังการที่คิวชู
ภูมิภาคคิวชูตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น เป็นภูมิภาคที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีอากาศอบอุ่น ในฤดูดอกซากุระผลิบานแต่ละพื้นที่จะมีทัศนียภาพที่หลากหลายให้เราได้ชมกัน
ในครั้งนี้เราจะพาไปชมสถานที่ชมซากุระในภูมิภาคคิวชูที่คัดสรรมาแล้วว่ามีวิวที่สวยและเป็นเอกลักษณ์ 10 แห่ง วิวซากุระแบบนี้รับรองว่าแถวโตเกียวไม่มีแน่นอน
สถิติวันที่ดอกซากุระเริ่มบาน - บานเต็มที่ในคิวชู
วันเริ่มบาน | วันที่บานเต็มที่ | |
ฟุกุโอกะ | 23 มีนาคม | 1 เมษายน |
คุมาโมโตะ | 23 มีนาคม | 1 เมษายน |
คาโกชิมะ | 26 มีนาคม | 4 เมษายน |
นางาซากิ | 24 มีนาคม | 3 เมษายน |
ซากะ | 24 มีนาคม | 3 เมษายน |
โออิตะ | 24 มีนาคม | 3 เมษายน |
มิยาซากิ | 24 มีนาคม | 2 เมษายน |
1. ไฟประดับแสนสวยที่ สวนไมซุรุ (ฟุกุโอกะ)
Picture courtesy of Pixta
สวนไมซุรุ (Maizuru Park) เป็นสวนชมซากุระที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดฟุกุโอกะ นอกจากจะมีซากุระให้ชมแล้ว ในฤดูกาลอื่นๆก็มีดอกไม้และต้นไม้สวยงามต่างๆให้เพลิดเพลินได้ตลอดปี พร้อมกับทิวทัศน์ที่มีซากปราสาทอยู่ตรงกลางของสวนแห่งนี้ด้วย
ถึงปราสาทฟุกุโอกะแห่งนี้จะมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานถึง 400 ปี แต่ก็ยังเข้ากับบรรยกาศในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ในช่วงใบไม้ผลิ จะมีการจัดเทศกาลชมซากุระปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka-jo Sakura Matsuri) อีกด้วย
ในช่วงจัดงาน จะมีการจัดแสดงไฟประดับ มีร้านค้าต่างๆมาเปิดขายกันคึกคัก รวมถึงมีอีเวนท์พิเศษต่างๆอีกมากมายที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเทศกาลนี้
สวนไมซุรุ (Maizuru Park)
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินฟุกุโอกะ ลงสถานีอากะสากะ (Akasaka Station) หรือ สถานีโอโฮริโคเอ็ง (Ohori-kouen Station) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
เวลาทำการ : 9:00 - 19:00
เว็บไซต์ : https://www.midorimachi.jp/maiduru/abouts/ (ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.midorimachi.jp/maiduru/file/panf_en.pdf (ภาษาอังกฤษ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
2. ปราสาทคุมาโมโตะ ปราสาทที่เปี่ยมด้วยพลัง (คุมาโมโตะ)
Picture courtesy of Pixta
จังหวัดคุมาโมโตะเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และล้อมรอบด้วยภูเขาไฟอะโซะ นอกจากนี้ยังมีปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) ที่เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ตั้งตระหง่านผ่านเหตุการณ์สำคัญต่างๆมานานถึง 400 ปี
ถึงแม้ว่าภายในบริเวณของปราสาทจะดูเคร่งขรึม และมีปราสาทสูงใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น แต่เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิก็จะเต็มไปด้วยสีชมพูของซากุระที่ผลิบาน เปลี่ยนบรรยากาศให้สวยงามน่าชมไปพร้อมๆกัน
*เนื่องด้วยผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 ปัจจุบันจึงเปิดให้เข้าชมตามเส้นทางชมปราสาทใหม่เท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์โดยตรง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
3. ชมทิวทัศน์กว้างสุดสายตาที่ สวนเซ็นกังเอ็น (คาโกชิมะ)
Picture courtesy of Meishou Sengan-en
จังหวัดคาโกชิมะมีจังหวัดที่มีภูเขาไฟซากุระจิมะ (Sakura-jima) ตั้งอยู่ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคงมีการปะทุอยู่อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีชื่อซากุระติดอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีซากุระให้ได้ชมเหมือนกับชื่อ (ในสมัยก่อนที่เกิดการปะทุครั้งใหญ่นั้น ว่ากันว่ารอบภูเขาไฟซากุระจิมะ มีกลีบดอกซากุระลอยบนผิวน้ำทะเลเต็มไปหมด จึงเป็นที่มาของชื่อนี้นั่นเอง)
แต่ถ้าอยากชมซากุระที่คาโกชิมะแล้วหล่ะก็ แนะนำว่าต้องไปที่ สวนเซ็นกังเอ็น (Sengan-en) สวนแห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นที่อยู่ของไดเมียวตระกูลชิมะซุ (Shimadzu family) และด้วยความกว้างถึง 50,000 ตารางเมตร ทำให้สามารถชมความสวยงามของธรรมชาติภายในสวนพร้อมๆ กับวิวภูเขาไฟซากุระจิมะได้ในคราวเดียวกัน
ภายในสวนนั้น มีบริการร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอยู่ นอกจากนี้ถัดไปข้างๆ จะมีโรงงานที่มีชื่อด้านการทำเครื่องแก้ว ซัตซึมะคิริโกะ (Satsuma-Kiriko) สามารถเข้าไปชมภายในได้ด้วย
สวนเซ็นกังเอ็น (Sengan-en)
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR ลงสถานีคาโกชิมะชูโอ (Kagoshima-Chuo) ให้ออกไปทางออกด้านตะวันออกเบอร์ 7 แล้วขึ้นรถบัสต่ออีกประมาณ 15 นาที (190 เยน) แล้วลงที่ป้ายเซ็นกังเอ็นมาเอะ (Senganen-mae) จะถึงทางเข้าสวนทันที
เวลาทำการ : 8:30 - 17:30
ค่าเข้า :
1. เข้าชมบริเวณสวน พิพิธภัณฑ์ และบ้านประจำตระกูล ผู้ใหญ่ (16 ปีขึ้นไป) 1,300 เยน เด็ก (6-15 ปี) 650 เยน
2. เข้าชมบริเวณสวน และพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ (16 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน เด็ก (6-15 ปี) 500 เยน
เว็บไซต์ : https://www.senganen.jp/en/
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
4. ซากุระที่สวยเหมือนดั่งดอกกุหลาบที่ สวนโอมุระ (นางาซากิ)
Picture courtesy of Pixta
สวนโอมุระ (Omura Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิ ซึ่งเป็นสวนที่ขึ้นชื่อเรื่องการชมซากุระแห่งหนึ่ง นอกจากนี้สวนแห่งนี้ยังมี โอมุระซากุระ ที่เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นอยู่ด้วย นอกจากความพิเศษนี้แล้วยังมี ซากุระอีก 21 สายพันธุ์ ประมาณ 2,000 ต้น ที่พร้อมผลิบานย้อมสวนแห่งนี้ให้กลายเป็นสีชมพูอยู่อีกมากมาย
ความพิเศษของโอมุระซากุระนั้นคือ ดอกไม้จะบานซ้อนกัน 2 ชั้น และมีจำนวนกลีบดอกและกลีบเลี้ยงที่มากกว่าดอกซากุระพันธุ์อื่นๆ
ตามปกติแล้วดอกซากุระทั่วไปจะมีกลีบเลี้ยง 5 ใบ แต่โอมุระซากุระมีถึง 10 ใบ ส่วนกลีบดอกจะมีอย่างน้อย 60 ใบ บางดอกก็มีมากถึง 200 ใบเลยทีเดียว เสน่ห์ของมันอยู่ที่ความงดงามที่ทำให้นึกถึงดอกกุหลาบ นับเป็นดอกซากุระสายพันธุ์แปลกที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นกันง่ายๆ
และแน่นอนว่าที่สวนโอมุระแห่งนี้ก็มีโอมุระซากุระปลูกอยู่ประมาณ 300 ต้น ให้เราได้ชมความงดงามกันอย่างเพลิดเพลินเลย
สวนโอมุระ (Omura Park)
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สายโอมุระ (Omura line) ลงสถานีโอมุระ (Omura) ขึ้นรถบัสสายที่มุ่งหน้าไปมุไคโคบะอิริกุจิ (Mukaikoba-Iriguchi) ประมาณ 5 นาที (140 เยน) แล้วลงที่ป้ายโคเอ็นอิริกุจิ (Kouen Iriguchi)
เว็บไซต์ : https://www.city.omura.nagasaki.jp/english/festivals/parks/omura.html (ภาษาอังกฤษ)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
5. สวนมิฟุเนะยามะราคุเอ็น วิวซากุระที่งามดั่งในจินตนาการ (ซากะ)
สวนมิฟุเนะยามะราคุเอ็น (Mifuneyama-Rakuen) ตั้งอยู่ในจังหวัดซากะ สวนสาธารณะแห่งนี้มีขนาดใหญ่ถึง 50 เฮกเตอร์ ทำให้สามารถดื่มด่ำกับความงดงามทางธรรมชาติที่เปล่งประกายงดงามได้อย่างเต็มที่
ในฤดูใบไม้ผลิ ที่สวนแห่งนี้จะมีบรรยากาศชวนฝันของดอกไม้หลากสีจากต้นซากุระ 2,000 ต้นและกุหลาบพันปีที่มีมากกว่า 2 แสนต้น
เทศกาลฮานะมัตสึริ เทศกาลชมดอกไม้ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงกลางเดือนเมษายน จะมีการจัดแสดงไฟประดับของดอกซากุระ ส่วนกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะเป็นการจัดแสดงไฟประดับของกุหลาบพันปี ดอกฟูจิ (ดอกวิสทีเรีย) และฮารุโมมิจิ (ใบโมมิจิสีเขียวที่สามารถชมได้ในช่วงต้นฤดูร้อน)
เนื่องจากภายในสวนมีร้านอาหารและร้านน้ำชาจึงสามารถนั่งผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน และยังมี จิคุรินเทอิ ที่พักแบบเรียวกังให้เราได้พักค้างคืนภายในสวนได้อีกด้วย
เนื่องจากภายในสวนมีร้านอาหารและร้านน้ำชาจึงสามารถนั่งผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน และยังมีชิคุรินเท (Chikurintei) ที่พักแบบเรียวกังที่สามารถพักค้างคืนภายในสวนได้อีกด้วย
ที่ชิคุรินเท สามารถนั่งชมบรรยากาศของสวนภายในห้องแบบญี่ปุ่นบนเสื่อตาตามิที่ บาร์น้ำชา (Chaya Bar) แห่งนี้ได้ตลอดเวลา
สวนมิฟุเนะยามะระคุเอ็น
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สายซาเซโบะ (Sasebo line) ลงสถานีทาเคโอออนเซ็น (Takeo-Onsen) แล้วนั่งแท็กซี่ต่ออีก 5 นาที ราคาประมาณ 1,000 เยน
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 200 เยน
*ค่าเข้าชมช่วงวันที่ 17 มีนาคม - 14 เมษายน ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 250 เยน และตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน -7 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 300 เยน
เว็บไซต์ : https://www.chikurintei.jp/th/ (ภาษาไทย)
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
6.ทะเลซากุระในเวิ้งหุบเขา ณ วัดอิชชินจิ (โออิตะ)
Picture courtesy of Isshin-ji
ขอแนะนำสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบผจญภัยเล็กๆ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างจะเดินทางลำบาก และมีค่าใช้จ่ายประมาณนึง แต่ถ้าได้เห็นความสวยงามของซากุระนั้นก็แทบจะลืมความเหนื่อยกันไปเลย
วัดอิชชินจิ (Isshin-ji Temple) ตั้งอยู่ในจังหวัดโออิตะ เป็นพื้นที่ราบระหว่างภูเขาที่โอบล้อมอยู่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีต้นซากุระอยู่เต็มพื้นที่ กว้างขวางราวกับ ทะเลซากุระ ทั้งความสวยงามและความกว้างใหญ่ของพื้นที่นั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นสวนของโลกใบนี้เลยทีเดียว ในช่วงซากุระบานจะมีร้านรวงต่างๆ และมีคนมากมายไปชมซากุระกันอย่างคึกคัก
วัดอิชชินจิ (Isshin-ji Temple)
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR ลงสถานีโออิตะ (Oita) ด้านหน้าสถานีจะมีป้ายรถบัส ให้ขึ้นสายที่วิ่งไปทางโทกิวะวาซาดะทาวน์ (Tokiwa Wasada town) นั่งประมาณ 20 นาที (330 เยน) แล้วลงที่ป้ายโทกิวะวาซาดะทาวน์ หลังจากนั้นให้นั่งแท็กซี่ต่อไปอีกประมาณ 10 นาที (ประมาณ 2,000 เยน) จะถึง หรือจากสถานีรถไฟโออิตะโดยตรง นั่งรถส่วนตัวประมาณ 40 นาที
เวลาทำการ : 8:00 - 18:00
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็กต่ำกว่า 12 ปี 200 เยน
เว็บไซต์ : http://issinnji.jp/index.html (ภาษาญี่ปุ่น)
7. สุสานโบราณไซโตะบารุ ชมซากุระพร้อมกับวิวสุดสายตา (มิยาซากิ)
Picture courtesy of Pixta
เมืองไซโตะ (Saito) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของจังหวัดมิยาซากิ มีพื้นที่ทางการเกษตรมากมาย และเป็นเมืองที่มีมรดกทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่มากตั้งแต่ช่วงยุคเก่าไปจนถึงช่วงยุคกลาง
แต่สิ่งที่น่าหลงใหลของเมืองนี้คือ ดอกไม้ ในสวนที่มีประวิตศาสตร์มาอย่างยาวนานอย่าง สุสานโบราณไซโตะบารุ (Saitobaru Burial Mounds) แห่งนี้ จะมีสุสานโบราณตั้งอยู่มากมาย และยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมกับในฤดูใบไม้ผลิที่จะมีดอกนาโนะฮานะสีเหลืองสดกับดอกคอสมอสสีชมพูบานสดใสอยู่เต็มสวน
และแน่นอนว่าไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ ดอกซากุระ ในสุสานโบราณแห่งนี้จะมีลานกว้าง โกะเรียวฮากามาเอะ (Goryohakamae) เป็นจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อ เพราะจะเห็นบรรยากาศของต้นซากุระกว่า 2,000 ต้น และต้นนาโนะฮานะอีกกว่า 300,000 ต้น ในคราวเดียวกัน
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายน จะมีเทศกาลดอกไม้ไซโตะบารุ (Saitobaru Hana Matsuri) และสามารถชมไฟประดับพร้อมดอกซากุระได้ในช่วงกลางคืนอีกด้วย
สุสานโบราณไซโตะบารุ
การเดินทาง : จากสถานีมิยาซากิ (Miyazaki) รถไฟ JR นั่งรถยนต์ประมาณ 50 นาที หรือจากสถานีมิยาซากิ เดินประมาณ 10 นาที ไปขึ้นรถบัสที่ป้ายมิยะโค ทาจิบานะโดริชิเต็นมาเอะ (Miyako tachibana-dori shitenmae) ขึ้นรถบัสของมิยาซากิโคซือบัส (Miyazaki-Kotsu bus) ที่มุ่งหน้าไปยัง ไซโตะบัสเซ็นเตอร์ (Saito Bus Center) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (1,020 เยน) ลงที่ป้ายสุดท้าย ไซโตะบัสเซ็นเตอร์ แล้วนั่งแท็กซี่ต่ออีกประมาณ 10 นาที (ประมาณ 1,200 เยน)
เว็บไซต์ : http://mppf.or.jp/saito/ (ภาษาญี่ปุ่น)
8. ชมวิวซากุระผ่านหน้าต่าง รถจักรไอน้ำ SL ฮิโตะโยชิ (คุมาโมโตะ)
Picture courtesy of Hitoyoshi City
สมัยนี้แค่จะหานั่งรถจักรไอน้ำก็ว่ายากแล้ว แต่ที่คุมาโมโตะมีทั้งรถจักรไอน้ำ SL Hitoyoshi ให้นั่งแล้วก็ดูซากุระไปพร้อมกันเลย
ประสบการณ์สุดแสนพิเศษนี้เริ่มจากสถานีรถไฟคุมาโมโตะ (Kumamoto) ไปจนถึงสถานีฮิโตโยชิ (Hitoyoshi) เป็นเวลาร่วมๆ 2 ชั่วโมง ที่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศการนั่งรถไฟขบวนหัวรถจักรไอน้ำ พร้อมกับชมซากุระที่เรียงรายอยู่ตามริมแม่น้ำไปจนสุดสายตา นอกจากนั้นภายในขบวนรถไฟยังมีข้าวกล่องเอกิเบ็น ไอศกรีมผสมโชจู และของกินอื่นๆ ขายด้วย
เนื่องจากเป็นที่นั่งแบบจองทั้งหมด จึงขอแนะนำว่าให้ทำการจองล่วงหน้ามาก่อน ส่วนอัตราค่าโดยสาร จากสถานีคุมาโมโตะไปสถานีฮิโตะโยชิ นั่งขาเดียว ผู้ใหญ่ราคา 2,690 เยน เด็ก 1,340 เยน การจองสามารถจองผ่านโทรศัพท์ หรือโดยตรงที่จุดขายตั๋วของสถานีรถไฟ JR ทั่วประเทศ (Midori no Madoguchi) สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือนเท่านั้น และเนื่องจากมีขบวนรถไฟให้บริการน้อย แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วสำหรับขากลับไว้พร้อมกันเลยจะดีกว่า
วันทำการเดินขบวนรถจักรไอน้ำมีเวลาที่จำกัด สามารถตรวจสอบตารางเดินรถไฟได้ที่ เว็บไซต์ SL Hitoyoshi
รถจักรไอน้ำ SL ฮิโตโยชิ
สถานที่ขึ้นรถไฟ : ขึ้นรถไฟได้ที่สถานีคุมาโมโตะ (Kumamoto) รถไฟ JR ไปจนถึงสถานีปลายทางฮิโตะโยชิ (Hitoyoshi) รวมเวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
เบอร์โทรศัพท์สำหรับจองที่นั่ง : 050-3786-3489 (ศูนย์บริการรับจองทางโทรศัพท์ของการรถไฟ JR คิวชู)
9. อิชชินเกียว โนะ ไดซากุระ ต้นซากุระยักษ์ที่ล้อมรอบไปด้วยดอกนาโนะฮานะ (คุมาโมโตะ)
Picture courtesy of Minamiaso Village
ณ ที่แห่งนี้มีต้นซากุระขนาดใหญ่เพียงต้นเดียวที่บานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางต้นนาโนะฮานะมากมายนานนับ 400 ปี มาแล้ว ด้วยผลกระทบจากฟ้าผ่าและพายุตั้งแต่อดีตทำให้ลำต้นด้านล่างของซากุระแยกออกเป็นสองฝั่งคล้ายนกกางปีก ดูแปลกตาและสวยงามในเวลาเดียวกัน
สวนอิชชินเกียว (Isshingyou Park)
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR สถานีฮิโกะโอซุ (Higo-ozu) นั่งรถยนต์ต่อไปอีกประมาณ 40 นาที
เว็บไซต์ : http://www.vill.minamiaso.lg.jp/map/oozakura.html (ภาษาญี่ปุ่น)
10. สวนดารุมิซุ อุโมงค์ดอกซากุระยาว 2 กิโลเมตร (มิยาซากิ)
Picture courtesy of Miyazaki City of Kitachi-iki Center
สวนดารุมิซุ (Darumizu Park) แห่งนี้ มีต้นซากุระประมาณ 3,500 ต้น เรียงรายอยู่เป็นระยะทางยาวถึง 2 กิโลเมตร หรือที่เรียกกันว่า ถนนสายซากุระ (Cherry Road) ให้เราได้เดินเพลิดเพลินกับซากุระได้อย่างเต็มที่
ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลขึ้น และมีการประดับไฟตกแต่งถึงเวลา 22:00 และเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงไม่มีการให้บริการของรถขนส่งสาธารณะใดๆ จึงจำเป็นจะต้องเดินทางโดยรถยนต์จากสถานีรถไฟใกล้เคียง เช่น สถานีรถไฟมิยาซากิ เป็นต้น
สวนดารุมิซุ (Darumizu Park)
การเดินทาง : โดยสารรถยนต์จากสถานีรถไฟสาย JR สถานีมิยาซากิ ไปอีกประมาณ 40 นาที
เว็บไซต์ :http://www.miyazaki-city.tourism.or.jp/en/sightseeing/spcat03/spot14.html (ภาษาอังกฤษ)
ถ้าจะมาชมซากุระที่คิวชูละก็ ขอแนะนำให้เช่ารถยนต์
สถานที่ชมซากุระที่แนะนำในครั้งนี้ มีหลายที่ที่ต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทาง หรือบางแห่งถึงจะมีบริการขนส่งสาธารณะแต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างจะเดินทางลำบาก จึงขอแนะนำให้ใช้บริการรถเช่าในการตระเวนเที่ยวจะดีกว่าเพื่อความสะดวก
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เที่ยวชมซากุระสวยๆ ในภูมิภาคคิวชู
ภูมิภาคคิวชูถึงจะดูเหมือนเป็นที่เล็กๆ แต่จริงๆ แล้วมีบริเวณที่กว้างขวางมาก การเดินทางท่องเที่ยวให้ครบทุกที่ภายในระยะเวลาสั้นๆ นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และด้วยการเดินทางที่ค่อนข้างจำกัด จึงควรจะตรวจสอบตารางการเปิด-ปิดให้บริการของแต่ละสถานที่ก่อนเป็นอย่างดี
ยังไงก็ตามถึงแม้สถานที่บางแห่งจะเดินทางไปได้ลำบาก แต่ว่าการท่องเที่ยวแต่ละสถานที่ย่อมมีความหมาย และสร้างความสุขให้กับผู้ท่องเที่ยวเสมอ ถ้าใครได้มาญี่ปุ่นและอยากชมซากุระในสถานที่ที่แปลกใหม่ หรือเปิดประสบการณ์สนุกๆ ก็ลองมาที่คิวชูกันนะคะ
นี่คือบัญชีของกองบรรณาธิการ MATCHA เราจะเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวอยากรู้ รวมถึงเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ของญี่ปุ่นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง